Search

ปีนี้ไม่ได้ทำคลิป Favorite 2020 ในหมวด Hair Care เ...

  • Share this:

ปีนี้ไม่ได้ทำคลิป Favorite 2020 ในหมวด Hair Care เลยขอพูดถึงแบรนด์ไทยอย่าง Kaff&Co. ที่ได้ลองเมื่อปีที่แล้ว มีทั้งซื้อเองและแบรนด์ส่งมาให้ลองใช้เพิ่มเติมด้วย คือเป็นความตั้งใจของนัตตี้มาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว ว่าเราอยากสนับสนุนแบรนด์ไทยมากขึ้นและแบรนด์นี้ก็เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจมากๆ อยากให้ทุกคนได้รู้จักค่ะ

Kaff and Co มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 2 ไลน์ นัตตี้เลือกใช้สูตรสารสกัดเหง้าขิงและน้ำมันมะกรูดสกัดเย็น ที่เหมาะสำหรับหนังศีรษะมัน และกังวงเรื่องผมร่วง ส่วนผสมหลักๆก็จะเป็น Ginger Rhizome Extract หรือเหง้าขิงนั้นเอง ที่จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันผมหงอกและการหลุดร่วงของเส้นผมได้ด้วย และ Kaffir Lime Essential Oil หรือน้ำมันมะกรูด ที่จะช่วยลดการอักเสบ อาการคันหนังศีรษะ ป้องกันรังแค และยังช่วยให้ผมดกดำเงางามขึ้นอีกด้วย และสุดท้ายคือ Indian Goose Berry Extract หรือมะขามป้อมอินเดีย ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี อุดมไปด้วย Vitamin C และ Polyphenol สามารถชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยให้ผมดกดำและป้องกันผมหงอกก่อนวัย

โดยจะมีผลิตภัณฑ์เป็น Shampoo (150ml/255บาท, 300ml/480บาท)
สารทำความสะอาดหลักๆคือตัว ALS ที่ได้มาจากมะพร้าว ที่ถือว่าอ่อนโยน และก็ยังเสริมด้วย Soap Nut Fruit Extract หรือมะคำดีควาย ที่มีสาร Saponin มีคุณสมบัติคล้ายสบู่ สามารถทำให้เกิดฟองและทำความสะอาดได้ มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุของการเกิดชันตุ กลากเกลื้อนและรังแคได้อีกด้วย มีการใส่สารในกลุ่ม Polyquaternium ที่จะมาช่วยเคลือบเส้นผม ไม่ให้พันกันและนุ่มลื่นขึ้น แต่ก็แอบมีซิลิโคนในกลุ่ม Dimethicone Emulsion มาในอันดับท้ายๆ แต่ก็ไม่ได้น่ากังวลอะไร โดยรวมคือเป็นแชมพูสูตรใส มีกลิ่นของขิงและมะกรูดที่หอม ทำความสะอาดได้ดี สระแล้วผมไม่แห้งสาก มีความลื่นหวีง่าย


Scalp Treatment (50ml/690บาท)
หลักๆตัวนี้ก็จะมีสารสกัดทั้ง 3 ตัวเหมือนเดิม แต่จะเพิ่ม Vitamin B5 กับ Vitamin E เข้ามาช่วยในการบำรุงหนังศีรษะเพิ่มขึ้น และก็ใส่ Mental ทำให้เวลาใช้แล้วรู้สึกเย็นสบาย แต่ก็ต้องระวังนิดนึง เพราะโดยส่วนมากพวกโทนิคหรือทรีทเม้นท์บํารุงหนังศีรษะพวกนี้ จะใส่แอลกอฮอล์มาค่อยข้างเยอะ เพื่อมาทำละลายและนำพาสารบำรุงเข้าสู่ผิว แต่มันก็อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ถ้าใครมีการอักเสบหรือเป็นแผลร่วมด้วย ตัวนี้ถือเป็นตัวหลักในการดูแลหนังศีรษะเลย เพราะถ้าหนังศีรษะสุขภาพดีเมื่อไหร่ เส้นผมก็จะดีตามนั้นเอง ใช้งานง่ายแค่หยดลงบนหนังศีรษะตามจุดต่างๆ แล้วก็นวดให้ซึม ควรใช้แค่เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ถ้าจะใช้ตอนกลางวันควรเลี่ยงแดด เพราะสารสกัดเข้มข้นอาจเกิดการระคายเคืองได้นั้นเอง


สุดท้าย Aloe Vera Nourishing Conditioner (155ml/315บาท)
ส่วนผสมหลักก็จะเป็นตัวที่เราเจอกันได้บ่อยๆ อย่าง Cetearyl alcohol, Stearalkonium chloride, Behentrimonium chloride, Cetrimonium chloride ที่เป็นกลุ่ม Emollient ช่วยในการปรับสภาพเส้นผม แล้วก็เสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Aloe vera, Vitamin B5 และ Shea Butter ถึงแบรนด์จะเคลมว่าไม่มีซิลิโคนกับน้ำมัน แต่ก็ใส่สารอย่าง Hydrogenated Ethylhexyl Olivate และ Hydrogenated Olive Oil Unsaponifiables ที่ได้มาจากน้ำมันมะกอกที่ผ่านการเติมไฮโดรเจน เพื่อให้มีความเสถียรขึ้น แต่คุณสมบัติคล้ายน้ำมันจากธรรมชาติทุกประการและสามารถใช้ทดแทนซิลิโคนในสูตรได้ด้วย จัดเป็นสารที่ดีเลยนะตัวนี้! สำหรับตัวนี้นัตตี้ใช้เป็นตัวเสริมนะ สำหรับใครที่กังวลให้เรื่องของผมแห้ง เพราะส่วนตัวนัตตี้สภาพเส้นผมไม่ได้มีปัญหาอะไร เจอความร้อนและเคมีน้อยมาก เลยจะใช้ตัวนี้แค่อาทิตย์ละครั้งหรือในวันที่จะต้องจัดแต่งทรงหรือใช้ความร้อน ตัวเนื้อครีมก็เข้มข้นไม่ต้องใช้เยอะ สามารถนวดหนังศีรษะได้ถ้าใครหนังศีรษะแห้งลอกจริงๆ


โดยรวมเท่าที่ลองใช้มาหลายเดือนมากแล้ว เห็นชัดมากที่สุดก็คือในเรื่องของอาการคันหนังศีรษะ เพราะเวลาอากาศร้อนๆหรือเวลาออกกำลังกายมีเหงื่อ มันจะคันแบบยิบๆขึ้นมาตลอดเลย ส่วนเรื่องผมร่วงก็ลดลง สังเกตุได้จากเวลาหลังสระผม เพราะแต่ก่อนนี่คือเป็นก้อนติดตามท่อเต็มเลย แต่ในเรื่องของความมันอันนี้เฉยๆนะ ยังไงก็ต้องสระผมเกือบทุกวันอยู่ดี แต่นัตตี้ก็ยังคงใช้ควบคู่ไปกับแชมพูยาอยู่ดีนะคะ เนื่องจากว่าหนังศีรษะค่อนข้างมัน จึงเป็นรังแคเปียกได้ค่อนข้างง่าย และก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเรื่องของการสระผม ดูแลหนังศีรษะและใช้ผลิตภัณฑ์อย่างที่ทางแบรนด์แนะนำควบคู่ไปด้วย สามารถลองปรึกษากับทางแบรนด์ได้เลย ให้คำแนะนำดีมากๆ
#kaffandco #haircare #thaibrands #supportthaibrands


Tags:

About author
not provided
Beauty Blogger ประสบการณ์ 10ปี ไม่ได้จบ Cosmetic Science แต่สนใจในเรื่องนี้มากๆและอยากแบ่งปัน
View all posts